กราฟมาตรฐานการเจริญเติบโต น้ำหนัก ส่วนสูง เด็กอายุ 0-5 ปี และ 6-19 ปี สำหรับคุณครู คู่มือการใช้เกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6-19 ปี
กราฟมาตรฐานการเจริญเติบโต น้ำหนัก ส่วนสูง เด็กอายุ 0-5 ปี และ 6-19 ปี สำหรับคุณครู คู่มือการใช้เกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6-19 ปี
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำเกณฑ์อ้างอิง การเจริญเติบโตของเด็กอายุ 5 – 19 ปี ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านโภซนาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆและนักโภชนาการจากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย เพื่อทบทวนเกณฑ์อ้างอิงน้ำหนักและส่วนสูง ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งเก็บข้อมูลในเด็กไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยคณะกรรมการมีมติให้ดำเนินการจัดทำเกณฑ์อ้างอิง การเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6 – 19 ปี ขึ้นใหม่ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตเต็มศักยภาพและทราบสถานการณ์การเจริญเติบโตที่เป็นจริงของเด็กไทย
การดำเนินงานดังกล่าว คณะทำงานได้ดำเนินการเสร็จสิ้นจนได้ออกมาเป็นเกณฑ์อ้างอิง การเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6 – 19 ปี โดยความร่วมมืออย่างดีจากสถานศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ที่ให้คณะทำงานได้ลงเก็บข้อมูล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้แก่ นครปฐม ปทุมธานี สระบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ยโสธร นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง กรุงเทพมหานคร ศูนย์อนามัยที่ 1 – 12 และ สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง ที่ให้ความร่วมมือในการประสานพื้นที่ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ร่วมกันดำเนินการจนได้ออกมาเป็นเกณฑ์อ้างอิง การเจริญเติบโตเป็นผลสำเร็จเรียบร้อย เป็นแนวทางที่ใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงและการส่งเสริมการเจริญเติบโตเต็มศักยภาพของเด็กไทย จึงขอขอบคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
กรมอนามัย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อภาคีเครือข่ายที่นำเกณฑ์อ้างอิง การเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6 – 19 ปี ชุดใหม่ ไปใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามการเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6 – 19 ปี เพื่อให้เด็กไทยมีการเจริญเติบโตเต็มตามศักยภาพต่อไป
กราฟมาตรฐานการเจริญเติบโต ที่จัดทำโดย สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยเอกสารปรับปรุงเมื่อปี พ.ศ. 2564 ล่าสุด สามารถดาวน์โหลดคู่มือได้ที่ https://nutrition2.anamai.moph.go.th/
กราฟมาตรฐานการเจริญเติบโตเด็กอายุ 0-5 ปี
กราฟมาตรฐานการเจริญเติบโตเด็กอายุ 6-19 ปี
ขอบคุณที่มา : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย